เหลาจื้อโดยการอ่าน ศึกษาค้นคว้าและการบันทึก ดังนั้น ญาณวิทยาจึงมีส่วนสำคัญยิ่งต่อวิธีการรู้ความดีที่แท้จริง
เหลาจื้อนั้น อาศัยความสนใจในการศึกษาในเต๋า ซึ่งนักปราชญ์หรือผู้ใฝ่ในเต๋าเท่านั้น ที่จะรู้และเข้าใจในเต๋าได้ในที่สุด เหลาจื้อกล่าวถึงผู้มีความรู้ไว้ว่า “นักปราชญ์จะไม่เอาแต่ใจตัว เขาจะคำนึงถึงใจผู้อื่นเป็นสำคัญ คนที่ดีต่อเขา เขาก็ดีต่อคนอื่น แต่ถ้าใครไม่ดีต่อเขา เขาก็ยังดีต่อคนอื่นด้วย” หมายถึง เป็นผู้ที่ฝึกตนเองให้เข้าถึงเต๋าแล้วย่อมมีจิตใจที่มั่นคง มีคุณธรรมที่หนักแน่นต่อความเป็นจริง จึงจะได้ชื่อว่าเป็นนักปราชญ์ ดังที่เหลาจื้อกล่าวไว้ต่อมาอีกว่า “นักปราชญ์มีใจหนักแน่นและแผ่เมตตาต่อทุกคน แล้วประชาชนจะจ้องมองมาที่เขา และคอยฟังเขา นักปราชญ์จะเอ็นดูประชาชนดุจบุตรหลานของตน” แสดงให้เห็นถึงผู้มีความรู้อย่างแท้จริงนั้น ไม่มีความหวั่นไหวเพราะเหตุแห่งรู้จริงเสียแล้ว ไม่มีการโอ้อวดเพื่อทำลายคนอื่น เพราะเขามีสติอยู่ พิจารณาอยู่ที่จะใช้ความรู้เป็นคุณธรรม ที่จะนำประโยชน์สุขให้มากดังความที่ว่า ผู้มีความรู้ดีย่อมพร้อมที่จะทำความดี ตามความสามารถดีของเขานั่นเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น