คัมภีร์บทที่ 19 ให้ความอยากความเห็นแก่ตัวให้เหลือน้อยลง
เลิกยกย่องปรัชญาละทิ้งสติปัญญา มีประโยชน์ต่อประชาชนร้อยเท่า เลิกความเมตตาละทิ้งสัจจะ ประชาชนจะกลับคืนมีความกตัญญูและเมตตาเอง เลิกความเฉลียวฉลาดละทิ้งประโยชน์ โจรและขโมยก็จะไม่มี ทั้งสามประการนี้เขียนเป็นตัวหนังสือยังไม่พอ ควรให้ผู้คนมีทางปฏิบัติ ควรมีการกระทำที่เรียบง่าย ลดความเห็นแก่ตัวให้เหลือน้อยลง
ความหมาย
เลิกยกย่องปรัชญาละทิ้งปัญญา เลิกความเมตตาละทิ้งสัจจะ เลิกความเฉลียวฉลาดละทิ้งผลประโยชน์เพราะสิ่งเหล่านี้อยู่ภายใต้ความนิยมวัตถุ ลำเอียงตัวเอง กระทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเอง และสังคม สร้างขึ้นมาจากผู้ปกครองประเทศ เพื่อผลประโยชน์ในการปกครองประเทศ มันไม่เป็นธรรมชาติ ไม่ใช่เต๋า ควรยกเลิกและละทิ้งไป เมื่อผู้คนปฏิบัติตามเต๋า ลดความอยากความเห็นแก่ตัวให้เหลือน้อยลง ก็จะมีความคิดการกระทำเพื่อผู้อื่นและสังคมอย่างจริงใจ ไม่คิดถึงผลประโยชน์ของตนเอง ก็จะเกิดความเมตตาสัจจะ เกิดปัญญาสติปัญญา เกิดความเฉลียวฉลาดโดยธรรมชาติเอง โดยไม่ต้องมีคนไปสร้างสรรค์
บทสรุป
คนเราจะมีความประพฤติดีหรือไม่ดีอยู่ที่ระบบความคิดของผู้คน หากผู้คนมีระบบความคิดนิยมวัตถุ ก็จุลำเอียงตนเอง เพื่อแสวงหาวัตถุมาให้ตนเอง ถึงแม้จะมีความสร้างความเมตตาสัจจะ กตัญญูเมตตา ปรัชญา และความเฉลียวฉลาดขึ้นมาเพื่อให้ผู้คนปฏิบัติก็ปฏิบัติอย่างแท้จริงมิได้ มันแก้ปัญหาสังคมครอบครัวและประเทศชาติไม่ได้จะแก้ปัญหาสังคมครอบครัว แก้ปัญหาการกระทำเพื่อเห็นแก่ตัวของมนุษย์ได้อย่างแท้จริงต้องแก้ไขระบบความนิยมวัตถุของมนุษย์ ให้ผู้คนเห็นผลเสียและอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพของตนเอง จากการนิยมและหลงวัตถุ หันมาปฏิบัติตามเต๋า ลดความอยากความเห็นแก่ตัวให้เหลือน้อยลง แสวงหาความว่างเปล่าให้กับจิต กระทำเพื่อผู้อื่นและสังคมด้วยการเสียสละ โยไม่ต้องการผลตอบแทน และผู้นำของประเทศ และประชาชนเป็นแบบอย่างที่ดีในการปฏิบัติ ประชาชนก็จะเกิดความเมตตาสัจจะ เกิดความกตัญญูเมตตา เกิดปรัชญา เกิดความเฉลียวฉลาดขึ้นโดยธรรมชาติเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น