มจร ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี

มจร ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี สร้างปัญญาให้สังคม สร้างสังคมอุดมธรรม

วันศุกร์ที่ 14 กันยายน พ.ศ. 2555

คัมภีร์บทที่ 2 สิ่งที่มีและไม่มีเกิดมาด้วยกัน

คัมภีร์บทที่ 2 สิ่งที่มีและไม่มีเกิดมาด้วยกัน

           ใต้ฟ้านี้ทุกคนรู้ว่าความงามเป็นความงาม  ก็เพราะมีความน่าเกลียดอยู่  ทุกคนรู้ว่าความดีเป็นความดี  ก็เพราะมีความไม่ดีอยู่  ดังนั้นสิ่งที่มีและสิ่งที่ไม่มีเกิดมาด้วยกัน  ความยากและความง่ายส่งเสริมกันให้สมบูรณ์   ความยาวและความสั้นประกอบกันเป็นรูปร่าง  ความสูงและความต่ำ อาศัยซึ่งกันและกัน  เสียงดนตรีและเสียงขับร้องกลมกลืนกัน  หน้าและหลังติดตามกัน
ดังนั้นนักปราชญ์จึงจัดการโดยไม่กระทำ  สอนโดยไม่ต้องพูด  ให้สรรพสิ่งเจริญเติบโตโดยไม่ไปริเริ่ม  ให้กำเนิดแล้วไม่เอามาเป็นของตนเอง  เลี้ยงดูแล้วไม่อวดความดี  เมื่อได้รับความสำเร็จแล้วก็ไม่ยึดครอง  ดังนั้นจึงไม่มีอะไรเสียไป
ความหมาย

            ในจักรวาล  สรรพสิ่งและเรื่องราวต่างๆ  ประกอบด้วยสิ่งตรงกันข้าม  หรือเรียกว่าสิ่งที่ขัดแย้งกัน  เช่น  ความดีและความน่าเกลียด  ความยากและความง่าย  ความยาวและความสั้น  ความมีและความไม่มี  ความทุกข์และความสุข  สิ่งที่ตรงกันข้ามนี้จะอยู่กันเสมอ  จะขาดไปฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งมิได้  และยังเป็นปัจจัยซึ่งกันและกัน  เราสามารถรู้ฝ่ายหนึ่ง  ก็เพราะมีอีกฝ่ายหนึ่งดำรงอยู่
            นักปราชญ์เข้าใจกฎนี้เป็นอย่างดี  จึงปฏิบัติการเป็นแบบอย่างในการกระทำที่ดี  กระทำจากตนเอง  ก็สามารถทำให้ผู้อื่นเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีได้  ไม่ไปกระทำกับสรรพสิ่งไม่ไปแทรกแซง  สร้างสรรค์  ให้กำเนิดแล้วไม่เอามาเป็นของตน  ช่วยเหลือแล้วไม่เอาความดี  ได้รับความสำเร็จแล้วไม่ยึดครอง  เมื่อไม่เอาก็ไม่มีอะไรทำให้เสียไป

           บทสรุป
            1.  สรรพสิ่งหรือเรื่องราวต่างๆ ประกอบด้วยสิ่งตรงกันข้าม  หรือสิ่งที่ขัดแย้งกัน  เป็นกฎที่สำคัญยิ่งของธรรมชาติ  เช่น มนุษย์เรามีทั้งเพศชายและเพศหญิง  ในสังคมมีทั้งคนดีและคนไม่ดี  มีคนที่มีความคิดเห็นแตกต่าง  มีฝ่ายเห็นด้วยและฝ่ายค้าน  ทุกคนมีส่วนดี  และส่วนด้อย  มีทั้งความสุขและความทุกข์  มีชีวิตที่สมหวังและไม่สมหวัง  นี่คือธรรมชาติ  ซึ่งทุกคนไม่สามารถจะลบล้างได้
            ดังนั้น  เราต้องยอมรับและเคารพฝ่ายตรงกันข้าม  ยอมรับและเคารพผู้ที่มีความคิดเห็นแตกต่างกับตนเอง  ผู้ที่คัดค้านตนเอง  หากเรามีความคิดที่รังเกียจฝ่ายตรงกันข้าม  แสดงว่าตนเองมีจิตใจที่ไม่เป็นธรรมชาติ  ลำเอียงตนเอง  ไม่ยุติธรรม  ไม่สอดคล้องกับเต๋า  จะทำให้การปฏิบัติการไม่เที่ยงธรรม  ผิดพลาด  เป็นผลเสียต่อตนเองและผู้อื่น
            นอกจากจะต้องยอมรับและเคารพฝ่ายตรงกันข้ามแล้ว  เรายังต้องเข้าใจฝ่ายตรงกันข้ามอย่างถูกต้อง  ยิ่งเข้าใจฝ่ายตรงกันข้ามถูกต้อง  ก็ยิ่งเข้าใจตนเองและเรื่องราวต่างๆ  ได้ถูกต้องและเช่นเดียวกัน  หากเราไม่เข้าใจฝ่ายตรงกันข้ามอย่างแท้จริง  เราก็ไม่สามารถเข้าใจตนเองและเรื่องราวต่างๆ  ได้ถูกต้องเหมือนกบที่อยู่ในบ่อ  แล้วบอกว่าจักรวาลก็ใหญ่แค่นี้เอง
            ดังนั้นความอ่อนน้อมถ่อมตัว  วางตัวตำแหน่งต่ำ   ตั้งใจและจริงใจ  ฟังความคิดเห็นที่แตกต่าง  โดยเฉพาะความคิดเห็นที่คัดค้านตนเอง  ฟังให้เข้าใจอย่างแท้จริง  และพิจารณาอย่างรอบครอบ  จากกฎนี้  เราสามารถรู้ได้ว่า  ผู้ที่อวดตัวว่ารู้จริง  ตัวเองถูกต้อง  ไม่ยอมฟัง  หรือไม่จริงใจฟังความคิดที่แตกต่างหรือคัดค้านตนเอง  เป็นคนไม่รู้จริงไม่น่าเชื่อถือ
                2.  สรรพสิ่ง  หรือเรื่องราวต่างๆ  ประกอบด้วยสิ่งตรงข้ามกัน  และอยู่คู่กันเสมอ  เพียงแต่ด้านใดด้านหนึ่งปรากฏออกมาชัดเจน  แสดงเป็นหยาง   และอีกฝ่ายก็จึงปรากฏออกมาไม่ชัดเจนหรือแฝงอยู่ แสดงเป็นอินเท่านั้น  ดังนั้นเมื่อเราหยิบเอาฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งขึ้นมา  อีกฝ่ายหนึ่งก็จะตามมาด้วยโดยอัตโนมัติ  เช่นเมื่อเรายกตัวเองให้สูงขึ้น  ลำเอียงตัวเอง  เพื่อตัวเองได้มา  ก็จะทำให้ตนเองและเสื่อมเสียไป  สาเหตุที่เป็นเช่นนี้ก็เพราะการยกตัวเองให้สูงขึ้น  ลำเอียงตนเอง                    ขาดความจริงโดยธรรมชาติ   ทำให้การปฏิบัติการคลาดเคลื่อนจากความจริงเป็นผลเสียต่อตนเอง  และผู้อื่น  เป็นที่รังเกียจของคนทั่วไป  ทำให้ตนเองต่ำลง  และเช่นเดียวกันหากเราวางตัวตำแหน่งต่ำ  อ่อนน้อมถ่อมตัวให้ความเคารพแก่ผู้อื่น  ทำให้ตนเองสามารถก้าวหน้า  คล้อยตามเต๋า  และผลประโยชน์ของประชาชน  ปฏิบัติการได้ถูกต้อง  มีประโยชน์ต่อผู้อื่นและสังคม  ได้รับความเคารพนับถือจากผู้คนทั่วไป  ทำให้ตนเองสูงขึ้น
            3.  เมื่อสรรพสิ่งหรือเรื่องราวต่างๆ  ประกอบด้วยสิ่งตรงกันข้าม  และอยู่คู่กันเสมอเราจึงสามารถปฏิบัติการแบบไม่กระทำ  การกระทำแบบได้กระทำ  ไม่หมายความว่าไม่ทำอะไรเลย  หมายความว่าไม่ไปกระทำกับฝ่ายตรงกันข้าม  ไม่ไปบังคับผู้อื่นให้ปฏิบัติตามคน  แต่จะเป็นการกระทำจากตนเอง  ใช้ตนเองเป็นแบบอย่างที่ดีในการกระทำ  กระทำด้วยความเสียสละและวางตัวตำแหน่งต่ำ  จะทำให้ตนเองได้รับความสำเร็จ  ได้รับการยกย่องจากคนทั่วไป  ทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี
            การกระทำแบบไมกระทำนี้  นอกจากทุกคนสามารถนำมาใช้ให้เป็นประโยชน์แล้วสำคัญมากสำหรับผู้นำของประเทศชาติและประชาชน  หากผู้นำของประเทศชาติและประชาชนใช้ตนเองให้เป็นแบบอย่าง  กระทำด้วยความเสียสละและวางตัวตำแหน่งต่ำ  ก็จะทำให้ตนเองได้รับความสำเร็จในการปกครอง  ได้รับการยกย่องจากประชาชน  ทำให้ประชาชนปฏิบัติไปในทางที่ดีตามไปด้วย  เป็นการปกครองประเทศที่ยอดเยี่ยม

ไม่มีความคิดเห็น: