คัมภีร์บทที่ 12 ละทิ้งความฟุ่มเฟือยรักษาความเรียบง่าย
ห้าสีทำให้คนตาบอด ห้าเสียงทำให้คนหูหนวก ห้ารสทำให้ปากอร่อย วิ่งไล่ล่าสัตว์ ทำให้เกิดความบ้าคลั่ง สิ่งที่หายากทำให้คนประพฤติในทางมิชอบ ดังนั้นนักปราชญ์จึงกระทำเพื่อท้อง มิใช่เพื่อตา ละทิ้งอย่างหนึ่งเอาอีกอย่างหนึ่งเข้ามา
ความหมาย
คนเราส่วนใหญ่มีความอยากนิยมวัตถุ ชอบแสงสีเสียง อาหารที่มีรส ชอบหาความสุขสนุกสนานด้วยการล่าสัตว์ แต่สีห้าอย่างทำให้ตนเองตาบอด มองไม่เห็นความผิดและถูก เสียงห้าอย่างทำให้คนเราหูหนวก เหมือนฟังไม่รู้เรื่องสิ่งผิดถูก รสชาติห้าอย่างทำให้อร่อยจนหลง ชอบการวิ่งล่าสัตว์ สนุกสนานเป็นบ้า สิ่งที่หายากทำให้ตนอยากได้ จนประพฤติไปในทางมิชอบ แต่นักปราชญ์ไม่นิยมวัตถุ ไม่มีความอยากทางแสงสี นักปราชญ์กระทำเพื่อท้องอิ่ม ดำรงชีวิตอยู่เพื่อทำประโยชน์ให้กับผู้อื่นและสังคม มิใช่เพื่อความอยาก ความฟุ่มเฟือยทางอารมณ์ นิยมชีวิตที่เรียบง่าย แสวงหาความว่างเปล่าให้จิตของตนเอง
บทสรุป
ผู้คนส่วนใหญ่นิยมวัตถุ ชอบแสวงหาความสุขทางด้านอารมณ์ จากแสงสีเสียงจากการทรมานสัตว์ จากการทำให้ผู้อื่นและสังคมเสียหา แสวงหาความสุขด้วยความฟุ่มเฟือยจนกระทำไปในทางมิชอบ เป็นอันตรายแก่ชีวิตของตนเอง
มนุษย์ยิ่งเห็นแก่ตัวมีความนิยมและหลงใหลวัตถุ แสวงหาความสุขทางด้านวัตถุ นอกจากจะทำให้ตนเองประพฤติไปในทางมิชอบแล้ว ยังทำลายสภาพจิต และร่างกายของตนเอง ยิ่งนิยมวัตถุ จิตก็ยิ่งไม่สงบ ถูกรบกวนยิ่งมาก ทำให้ขาดความสมดุล เป็นธรรมชาติ ส่งผลให้จิตและร่างกายเสื่อมโทรมอย่างรวดเร็ว
การดำรงชีวิตที่ถูกต้อง คือ ดำรงชีวิตตามเต๋า คือ การดำรงชีวิตที่เรียบง่าย เป็นธรรมชาติไม่นิยมวัตถุ ไม่เห็นแก่ตัวและลำเอียงตนเอง ทำประโยชน์ให้แก่ผู้อื่นและสังคม ไม่แสวงหาความอยาก ความฟุ่มเฟือยทางด้านวัตถุ แสวงหาความว่างเปล่ามาให้ตนเอง จิตเป็นอิสระอยู่เหนือวัตถุอยู่เหนือร่างกายของตนเอง
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น