มจร ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี

มจร ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี สร้างปัญญาให้สังคม สร้างสังคมอุดมธรรม

วันอังคารที่ 18 กันยายน พ.ศ. 2555

คัมภีร์บทที่ 20 ปลดปล่อยตัวเอง

คัมภีร์บทที่ 20 ปลดปล่อยตัวเอง

           เลิกการเรียนรู้จะไม่เกิดความกลุ้มใจ  ปฏิบัติตามลูกเดียวกับถูกตลอด  มันแตกต่างกันอย่างไร?
           ความดีกับความชั่ว  มันแตกต่างกันอย่างไร?
           ผู้คนเขากลัว  ฉันไม่กลัวไม่ได้  มันเวิ้งว้างอย่างไม่มีสิ้นสุด 
           ผู้คนเขาสนุกสนานเหมือนมีงานเลี้ยงใหญ่  เหมือนขึ้นหอสูงซึ่งเต็มด้วยบรรยากาศฤดูใบไม้ผลิมีฉันคนเดียวไม่กระทำ ไม่มีอะไรเกิดขึ้นเหมือนเด็กทารกที่ยังไม่รู้จักหัวเราะ ไม่มีจิตใจเหมือนไม่มีที่กลับอาศัย  ผู้คนเขาอุดมสมบูรณ์จนเหลือ  มีฉันคนเดียวที่ยังขาดแคลน  เป็นจิตที่โง่ของฉัน             มันขุ่นมัว  ผู้คนเขาเฉลียวฉลาด  มีฉันคนเดียวที่ยังหม่นหมอง  ผู้คนเขาเคร่งครัดชัดเจน  มีฉันคนเดียวยังคลุมเครือ  มันเงียบสงบเหมือนน้ำทะเล  มันปลิวพัดไปไม่มีที่หยุด  ผู้คนเขามีความสามารถมีฉันคนที่ยังดื้อดันและต่ำต้อย  มีฉันคนเดียวที่ไม่เหมือนคนอื่น  เพราะเห็นความสำคัญของแม่

           ความหมาย

           การเรียนรู้ของผู้ที่นิยมหลงใหลวัตถุ  ลำเอียงตนเองเห็นแก่ตัว ทำให้สังคม และครอบครัวเกิดความขัดแย้งและปัญหาเลวร้ายไม่สงบ  ทำให้สังคมขาดความสมดุล  และจิตที่ลำเอียงตนเอง  ทำให้จิตรับภาระหนัก  ทำให้จิตและร่างกายขาดความสมดุล  ไม่ปกติ  เลิกการเรียนรู้จะดีกว่าไม่ให้จิตไปเกาะติดกับความยุ่งยาก  กลัดกลุ้มทางวัตถุให้จิตปลดปล่อยเป็นอิสระจะดีกว่าการปฏิบัติตามหรือขัดขืน  ความดีหรือความชั่ว  มันก็ไม่แตกต่างกันอย่างไร ?  เพราะมันเป็นการกระทำด้วยความนิยมวัตถุและความเห็นแก่ตัวทั้งนั้น  ผู้คนเขากินเลี้ยงสนุกสนานเหมือนขึ้นหอสูงชมวิวฤดูใบไม้ผลิ  มีความสุขทางด้านวัตถุมาก  แต่ฉันไม่มีความอยากความสนุกกับวัตถุเลยเหมือนทารก  ฉันรู้สึกเคล้งคว้างเหมือนไม่มีที่จะกลับอาศัย  ผู้คนเขาเฉลียวฉลาดมีมากมายทางด้านวัตถุ  แต่ฉันยังขาดแคลน  รู้สึกมัวหมอง  คลุมเครือไม่รู้จักแสวงหาวัตถุ  และผลประโยชน์มาให้ตนเอง  รู้สึกเวิ้งว้างเหมือนอยู่ในทะเล  ลอยไปมาไม่มีที่หยุด  มีฉันคนเดียวดื้อดันและต่ำต้อยไม่ยอมนิยมวัตถุและชื่อเสียง  เพราะฉันเห็นความสำคัญของเต๋า

            บทสรุป
           1. เหล่าจือมิได้คัดค้านการแสวงหาความรู้เพื่อผลประโยชน์แก่ประเทศชาติและสังคมแต่คัดค้านการแสวงหาความรู้  จากระบบความคิดนิยมและหลงใหลวัตถุด้วยความอยากและความเห็นแก่ตัว  ก่อให้เกิดปัญหาและความขัดแย้งในสังคมครอบครัวอย่างรุนแรง  และแก้ไม่ตกทำให้ประเทศชาติและประชาชนได้รับความเสียหาย  อย่างหนัก
           การปฏิบัติตามหรือคัดค้าน  ความดีหรือความชั่ว  หากมันกระทำด้วยความเห็นแก่ตัวเพื่อผละประโยชน์ของตนเอง  หรือผู้มีอำนาจ  มันก็ไม่แตกต่างกันเท่าไร
           2. คนเราส่วนใหญ่มีระบบความคิดนิยมวัตถุ  นอกจากจะก่อให้เกิดความขัดแย้งอย่างรุนแรง  และแก้ไม่ตกในสังคมแล้ว  ยังทำให้จิตต้องรับภาระหนัก  ขาดความสมดุลไม่ปกติ  เป็นอันตรายต่อชีวิตและสุขภาพอย่างยิ่ง
           3. ดังนั้น  คนเราอยากมีชีวิตที่มีความสุขอย่างแท้จริง  ต้องยกเลิกระบบความคิดนิยมวัตถุ  หันมาปฏิบัติตามเต๋า  แสวงหาความว่างเปล่า  ยอมเสียสละตนเองเพื่อผู้อื่นและสังคม  จะทำให้จิตมีความสุข  และมีประโยชน์ต่อสังคมครอบครัวและประเทศชาติ  มีประโยชน์ต่อสุขภาพของตนเอง

ไม่มีความคิดเห็น: