คัมภีร์เต๋าเต็กเก็ง
ถึงแม้ว่าคัมภีร์เต๋า เต็ก เก็ง จะเป็นคัมภีร์โบราณเล่มเล็กที่มีความยาวเพียง 81 บท หรือประมาณ 5,000 ตัวอักษร แต่ถือกันว่าเป็นคัมภีร์ที่มีตัวบทเป็นปริศนามากที่สุดในวรรณกรรมของจีน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา เป็นที่ถกเถียงกันในเรื่องอายุของคัมภีร์ และผู้รจนาคัมภีร์ที่ชื่อ เล่าจื้อ ตามแนวความเชื่อดั่งเดิมนั้น เชื่อกันว่า คัมภีร์เล่มนี้ถูกเขียนขึ้นในราวศตวรรษที่ 6 ก่อนคริสต์ศักราช ซึ่งหากเป็นเช่นนั้นจริง ย่อมน่าเชื่อได้ว่า คัมภีร์เต๋า เต็ก เก็ง น่าจะเป็นงานเขียนทางปรัชญาชิ้นแรกในประวัติศาสตร์จีนด้วย ซึ่งแน่นอนว่าข้อสันนิษฐานนี้จะสัมพันธ์กับการสืบค้นประวัติของเล่าจื้อ
แม้จะมีการสันนิษฐานกันว่า คัมภีร์เต๋า เต็ก เก็ง น่าจะถูกเขียนประมาณศตวรรษที่ 4 หรือ 3 ก่อนคริสต์ศักราช แต่นักวิชาการในปัจจุบันส่วนใหญ่เชื่อว่าน่าจะอยู่ในช่วงเวลา 250 ปี ก่อนคริสต์ศักราช และผู้แต่งคัมภีร์ก็น่าจะมีมากกว่าหนึ่งคน Fung Yu-Lan กล่าวว่า เล่าจื้อและขงจื้ออาจจะเป็นจริง แต่คัมภีร์อาจจะถูกเขียนขึ้นในเวลาต่อมา
สำหรับเนื้อหาของคัมภีร์นั้น อาจกล่าวได้ว่า มีลักษณะเป็นคัมภีร์ที่ไร้กาลเวลา ทั้งนี้เพราะไม่มีการอ้างอิงชื่อบุคคล สถานที่ หรือระยะเวลาในประวัติศาสตร์ ราวกับว่าคัมภีร์นี้กำลังกล่าวถึงสิ่งที่อยู่เหนือ กาละ และ เทศะ ทั้งปวง มีเพียงการใช้คำแทนตัวว่า ข้าพเจ้า ที่มีเพียงไม่กี่บทเท่านั้น ภาษาที่ใช้ในคัมภีร์ก็มีลักษณะคลุมเครือ กล่าวถึงภาวะสัจธรรมอันสูงสุดที่อยู่นอกเหนือประสบการณ์มนุษย์ แต่ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่า คัมภีร์นี้จะเป็นคัมภีร์แห่งธรรมที่พ้นโลกออกไป แต่กลับสามารถตีความ และเข้าใจในความหมายอื่นได้ ตัวอย่างเช่น D.C.Lau ที่แสดงความเห็นว่าคัมภีร์เต๋า เต็ก เก็ง เป็นคัมภีร์แห่งการปกครองอย่างแท้จริง และWing Tsit Chan ที่เห็นว่าคัมภีร์เต๋า เต็ก เก็ง ไม่ได้เป็นคัมภีร์สำหรับนักพรตที่หลีกลี้สังคม แต่เป็นคัมภีร์สำหรับราชาปราชญ์ที่ไม่ได้ละทิ้งโลก แต่ปกครองโดยไม่เข้าไปก้าวก่ายยุ่งเกี่ยว ส่วน Roger T.Ames กล่าวว่า คัมภีร์
คัมภีร์เต๋า เต็ก เก็ง น่าจะเป็นคัมภีร์ที่พูดกับผู้ปกครองเป็นหลักแต่มุ่งหวังให้ทุกคนดำเนินตามรอยวิถีแห่งเต๋า โดยไม่จำเป็นต้องหลีกลี้สังคม จุดมุ่งหมายของคัมภีร์เต๋า เต็ก เก็ง น่าจะเป็นไปเพื่อให้ทุกๆ คนสามารถตระหนักรู้ในตัวตน และวิถีแห่งธรรมชาติ เพื่อจะได้ดำเนินชีวิตในสิ่งแวดล้อม และสถานการณ์ต่างๆ ได้อย่างเหมาะสมกับตน
ส่วนการใช้ภาษาที่คลุมเครือ และไม่ระบุรายละเอียดในคัมภีร์นั้น ได้รับการตั้งข้อสังเกตจาก สุวรรณา สถาอานันท์ ว่าอาจเป็นเพราะเล่าจื้อนั้นอาจมีความจำเป็นที่ต้องอำพรางตน เพื่อความปลอดภัย ด้วยการไม่กล่าวถึงตัวบุคคล เวลา สถานที่ อย่างเฉพาะเจาะจง และเขียนแสดงข้อความจริงราวกับว่าอยู่ห่างไกลจากชีวิตสังคมและประสบการณ์ของมนุษย์
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น