มจร ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี

มจร ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี สร้างปัญญาให้สังคม สร้างสังคมอุดมธรรม

วันอังคารที่ 25 กันยายน พ.ศ. 2555

คัมภีร์บทที่ 31 สภาพจิตในการใช้ทหาร

คัมภีร์บทที่ 31 สภาพจิตในการใช้ทหาร

           อาวุธเป็นสิ่งที่อัปมงคล  เป็นสิ่งน่ารังเกียจมาก  ดังนั้น  ผู้มีเต๋าไม่จักการด้วยอาวุธ  พระราชาปกติด้านซ้ายมือสำคัญ  เวลาใช้ทหารด้วยขวามือสำคัญ  อาวุธเป็นสิ่งที่อัปมงคล  ไม่ใช่เครื่องมือของพระราชา  จะใช้เมื่อมีความจำเป็นเท่านั้น  ใช้อย่างเบาบาง  ชนะแล้วก็ไม่สวยงาม  ผู้ที่เห็นว่าการใช้อาวุธเป็นสิ่งที่ดี  คือพวกที่ชอบฆ่าคน  ผู้ที่ชอบฆ่าคนจะไม่ได้รับกำลังใจจากใต้ฟ้า  เรื่องสิริมงคลอยู่ด้านซ้ายมือ  เรื่องร้ายอยู่ด้านขวามือ  แม่ทัพไม่ทำการรบอยู่ด้านซ้ายมือ  แม่ทัพทำการรบอยู่ด้านขวามือ  จะเหนือกว่าที่จริงแล้วเป็นการจัดพิธีฌาปนกิจ  ฆ่าคนมากมายใช้วิธีแสดงความเศร้าโศกร่ำไห้  ผู้ที่ชนะจัดการพิธีฌาปนกิจ

           ความหมาย

           อาวุธเป็นสิ่งที่แสดงกำลังความเข้มแข็ง  เป็นที่น่ารังเกียจของผู้คน  ไม่สอดคล้องกับเต๋า  ผู้ที่มีเต๋าไม่ใช้ไม่ใช่เครื่องมือของพระราชา  หากจำเป็นจะต้องใช้ในการป้องกันอธิปไตยของประเทศ  ต้องคิดอย่างรอบคอบและใช้ให้น้อยที่สุด  ถึงแม้ชนะก็ไม่สวยงาม  เพราะเป็นการฆ่าคนผู้ที่ชอบฆ่าคนจะไม่ได้รับการสนับสนุนจากการประชาชน  ตามปกติด้านซ้ายมือสำคัญ  แต่เมื่อเวลาทำสงครามด้านขวามือสำคัญ  แม่ทัพที่ทำการรบอยู่ด้านขวามือเหนือกว่าแม่ทัพไม่ทำการรบ  การทำสงครามฆ่าคนมากแล้ว  ผู้ชนะจะต้องจัดพิธีฌาปนกิจแสดงความโศกเศร้าร่ำไห้ไว้อาลัยกับผู้เสียชีวิต

           บทสรุป
           อาวุธใช้ในการทำสงคราม ใช้ฆ่าชีวิตผู้คน เป็นสิ่งที่อัปมงคล การใช้อาวุธแสดงความเข้มแข็งทำลายประเทศอื่น เข่นฆ่าผู้คน เพื่อเอาชนะไม่ใช่เต๋า  จะไม่ได้รับการสนับสนุนจากประชาชน  การใช้อาวุธทำสงครามต้องคิดให้รอบครอบ  และใช้ให้น้อยที่สุด  เวลาทำสงครามถึงแม้แม่ทัพที่ทำสงครามจะสำคัญ  และอยู่เหนือแม่ทัพที่ไม่ทำสงคราม แต่เมื่อชนะแล้ว ก็ไม่ใช่เรื่องดี  อย่าดีใจโอ้อวด ใช้กำลังปกครองประเทศอื่น ควรหยุดมือ อ่อนน้อมถ่อมตัว จัดการด้วยความนุ่มนวล ต้องจัดทำพิธีฌาปนกิจ ใช้วิธีนี้แสดงความเคารพแก่ผู้ที่เสียชีวิต

คัมภีร์บทที่ 30 เต๋าในการใช้ทหาร

คัมภีร์บทที่ 30 เต๋าในการใช้ทหาร

           ผู้ที่ใช้เต๋าช่วยพระราชาปกครองประเทศไม่ใช้ทหารแสดงความเข้มแข็งกับใต้ฟ้า เพราะจะได้รับการโต้ตอบกองทัพไปถึงไหนก็ทำให้มีแต่พุ่มไม้เตี้ยที่มีหนามหลังจากกองทัพผ่านไป            ก็จะเป็นปีแห่งภัยพิบัติ  ผู้ที่เชี่ยวชาญในการใช้ทหาร เมื่อได้รับชัยชนะแล้วหยุดมือไม่กล้าแสดงความเข้าแข็ง  ชนะแล้วไม่อวดใหญ่  ชนะแล้วไม่อวดแสนยานุภาพ  ชนะแล้วไม่เย่อหยิ่ง  ชนะด้วยความจำเป็น  ชนะแล้วไม่แสดงความเข้มแข็ง สรรพสิ่งเมื่อเข้มแข็งแล้วแกร่ง  เพราะว่าไม่ใช่เต๋า  ไม่ใช่เต๋าอยู่ได้ไม่นาน
  
           ความหมาย

           ผู้ที่ใช้เต๋าช่วยพระราชาปกครองประเทศ  จะไม่ใช่ความเข้มแข็งไม่ใช้กำลังทหารพิชิตประเทศอื่น  เพราะถ้าใช้กำลังทำลายประเทศอื่นก็จะสร้างคู่อาฆาตขึ้นมา  และถูกโต้ตอบจะทำให้ตนเองเสียหายไปด้วย  กองทัพไปถึงไหนก็จะทำการกดขี่ประชาชน  ประชาชนไม่สามารถทำมาหากินได้ตามปกติ  ที่นาเกิดการรกร้าง  มีแต่พุ่มไม่เตี้ยเต็มไปด้วยหนาม  เมื่อกองทัพผ่านไปก็จะเป็นปีแห่งภัยพิบัติ  ดังนั้น  ผู้ที่เชี่ยวชาญในการทหาร  เมื่อได้รับความสำเร็จแล้วหยุดมือไม่ใช้กำลังทหารปกครอง  ชนะ  แล้วไม่อวดใหญ่  ไม่แสดงแสนยานุภาพ  ชนะแล้วไม่เย่อหยิ่ง  ชนะด้วยความจำเป็น  ชนะแล้วไม่แสดงความแข็งแกร่ง  สรรพสิ่งเมื่อมันเข้มแข็งแล้วจะแกร่งเรียกว่าไม่ใช่เต๋า  ไม่ใช่เต๋าอยู่ได้ไม่นาน

           บทสรุป
           ตามหลักการของเต๋า  สรรพสิ่งเมื่อลำเอียงตนเองทางด้านได้มาจะทำให้ขาดความสมดุล  เป็นผลเสียต่อตนเอง  เช่น  เมื่อเข้มแข็งแล้วก็จะร่วงโรย  ใกล้สูญสิ้น  อยู่ได้ไม่นาน  ดังนั้น  การใช้กำลังทหารปกครองประเทศ  การใช้กำลังทหารกดขี่รุกรานประเทศอื่น  นอกจากจะทำให้ผู้อื่นได้รับความเสียหายและถูกตอบโต้จากผู้อื่น  และกำลังของประเทศที่อ่อนแอถูกกดขี่ก็จะเสริมสร้างได้เรื่อยๆ  สุดท้ายก็เป็นฝ่ายชนะ  ผู้ที่แสดงความเข้มแข็งทำลายประเทศอื่น  ถึงแม้การใช้กำลังจะได้ผลชั่วคราว  แต่สุดท้ายก็ต้องเป็นฝ่ายพ่ายแพ้  สาเหตุเพราะขาดเต๋า
           ดังนั้นการใช้ทหารตามหลักการของเต๋า ถึงแม้จะมีกำลังทหารที่เข้มแข็ง แต่กลับไม่แสดงความเข้มแข็ง วางตัวตำแหน่งต่ำ เคารพประชาชน เคารพเพื่อนบ้าน ใช้ความอ่อนโยนนุ่มนวล  ตอบรับความเข้มแข็งของผู้อื่นเสมอ  พยายามแก้ปัญหาจากตนเองเป็นหลัก จะใช้กำลังทหารตอบรับผู้รุกรานด้วยความจำเป็น  เพื่อปกป้องอธิปไตยของตนเองเท่านั้น เมื่อชนะผู้อื่นแล้วหยุดมือ  ชนะแล้วไม่ภูมิใจ ไม่ใช้กำลังปกครองเป็นอื่น ไม่โอ้อวด หรือแสดงความเข้มแข็ง

คัมภีร์บทที่ 29 การปกครองแบบไม่กระทำ

คัมภีร์บทที่ 29 การปกครองแบบไม่กระทำ

           หากจะปกครองใต้ฟ้าแบบกระทำ  ฉันคิดว่ามันจะไม่ได้รับความสำเร็จ  ใต้ฟ้าเป็นสิ่งที่ศักดิ์สิทธิ์จะกระทำมิได้  ใครกระทำจะประสบความล้มเหลว  ใครยึดไว้ก็จะเสียไป  เพราะสรรพสิ่งมีเดินหน้ามีตามหลังมีเป่าเบาและเป่าแรง  มีความเข้มแข็งและอ่อนแอ  มีทั้งชัยชนะ  และความล้มเหลว  ดังนั้น  นักปราชญ์จึงละทิ้งสิ่งที่เกินควร  ละทิ้งสิ่งที่ฟุ่มเฟือย  ละทิ้งสิ่งที่
ความหมาย
           หากจะปกครองประเทศชาติด้วยการลำเอียงตนเอง  ใช้อำนาจและผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก จะไม่ได้รับความสำเร็จ เพราะประเทศชาติและประชาชนนั้นศักดิ์สิทธิ์มาก                       มีพลังและความชอบธรรม  ไม่มีผู้ใดสามารถเอาชนะได้ใครจะลำเอียงตนเอง  กระทำด้วยการใช้ตนเองเสียไป เพราะสรรพสิ่งประกอบด้วยสิ่งตรงกันข้าม มีเดินหน้าตามหลัง เป่าเบาเป่าแรงเข้มแข็งและอ่อนแรง  มีชนะและแพ้ หากลำเอียงตนเอง ก็จะออกผลตรงกันข้าม  ทำให้ตนเองเสียไป  ดังนั้นนักปราชญ์จึงละทิ้งสิ่งที่เกินควร  สิ่งที่ฟุ่มเฟือย สิ่งที่สบาย เพราะการกระทำเหล่านี้มันลำเอียงตนเอง  กระทำเพื่อผลประโยชน์ของตนเองเป็นหลัก จะเป็นผลเสียต่อชีวิตและกิจการที่ปฏิบัติ

           บทสรุป
           1. การปกครองแบบกระทำ  คือ การปกครองด้วยการลำเอียงตนเอง ใช้ผลประโยชน์ทางด้านวัตถุของตนเองเป็นหลัก  ใช้อำนาจบีบบังคับให้ประชาชนปฏิบัติตามตนเอง สุดท้ายก็จะได้รับความสำเร็จ  เพราะประชาชนคือพลังอันมหาศาล  ไม่มีอำนาจใด  หรือกำลังใดของผู้ปกครองจะเอาชนะได้
           2. การปกครองแบบไม่กระทำ  คือการปกครองแบบไม่ลำเอียงตนเอง วางตัวตำแหน่งต่ำ  เสียสละตนเอง  เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติและประชาชน  ไม่นิยมและหลงใหลวัตถุนิยมมีชีวิตที่เรียบง่าย  แสวงหาความว่างเปล่าให้กับจิต  ผู้ปกครองเป็นแบบอย่างที่ดีในการกระทำ
           3. ผู้ที่ฉลาดในการดำรงชีวิต  จะไม่ลำเอียงตนเอง  ไม่นิยมวัตถุ  และการกระทำที่เกินควร  ไม่ชอบความฟุ่มเฟือย  และแสวงหาความสุขทางด้านวัตถุ  เพราะตามหลักของเต๋าสรรพสิ่งประกอบด้วยสิ่งตรงกันข้าม  หากลำเอียงตนเอง  เพื่อตนเองได้มาจะออกผลตรงกันข้ามคือทำให้ตนเองเสียไป

คัมภีร์บทที่ 28 เต๋าที่นิรันดร์คืนสู่ความเรียบง่าย

คัมภีร์บทที่ 28 เต๋าที่นิรันดร์คืนสู่ความเรียบง่าย

           รู้ความเป็นเพศชาย  แต่ไปรักษาความเป็นเพศหญิง  เป็นลำธารของใต้ฟ้าเต๋อที่นิรันดร์ไม่เหินห่าง  คืนสู่ทารก  รู้ว่ามันเป็นสิ่งที่ขาวแต่ไปรักษาสิ่งที่ดำ  เป็นแบบอย่างของใต้ฟ้า เป็นแบบอย่างของใต้ฟ้า  เต๋อที่นิรันดร์ไม่เปลี่ยนแปลง  หวนคืนสิ่งที่ไม่มีขอบเขตรู้ถึงความมีเกียรติยศ  แต่ไม่รักษาความอดสู  เป็นหุบเขาของใต้ฟ้าเป็นหุบเขาของใต้ฟ้า  เต๋อที่นิรันดร์เพียบพร้อม  หวนคืนสู่ความเรียบง่ายความเรียบง่ายกระจายเป็นสรรพสิ่ง  นักปราชญ์ใช้แล้ว ให้เป็นเจ้านายของตนเอง  ดังนั้น  มันเป็นระบบใหญ่ที่ไม่สามารถตัดออกจากกันได้

           ความหมาย

           รู้ว่ามีความแข็งแกร่งสามารถเอาชนะและอยู่เหนือผู้อื่น  แต่ไปรักษาความอ่อนโยนอ่อนข้อ  เสมือนเป็นลำธารของใต้ฟ้าที่หล่อเลี้ยงมนุษย์  ยอมอยู่ตำแหน่งต่ำสุด  ชอบอยู่ต่ำกว่าผู้อื่น  สภาพจิตที่มีเต๋อ  จะทำให้ร่างกายมีเต๋อ  อ่อนนุ่มเหมือนเด็กทารก  แต่เต็มไปด้วยพลังแห่งชีวิต  รู้ว่ามีสิ่งที่สะอาดที่ผู้คนชอบ  แต่ไปรักษาสิ่งที่ดำที่ผู้คนรังเกียจ  เป็นแบบอย่างของใต้ฟ้าเต๋อที่นิรันดร์ไม่เปลี่ยนแปลงหวนคืน  คุณสมบัติเดิมของเต๋าที่มีความสามารถอย่างไม่มีขอบเขตรู้ว่าความรเกียรติยศทำให้ตัวเองสูงส่ง  แต่กลับรักษาความอดสูที่ทำให้ตัวเองต่ำต้อย เป็นหุบเขาของใต้ฟ้า                   จิตที่ว่างเปล่า  เป็นเต๋อที่นิรันดร์และเพียบพร้อมมาก  หวนคืนไปสู่เต๋าที่เรียบง่ายเต๋าให้กำเนิด             สรรพสิ่ง  นักปราชญ์เห็นว่าสรรพสิ่งเป็นเจ้านายของตนที่ตนจะต้องรับใช้  และสรรพสิ่งก็เป็นหนึ่งเดียวกัน  ไม่สามารถแยกออกจากกันได้

           บทสรุป
           1. การที่มีจิตและการกระทำที่มีเต๋อ  จะส่งผลให้ร่างกายมีเต๋อตามมาด้วย  ทำให้ร่างกายมีพลัง  มีความสามารถพิเศษ  และมีชีวิตชีวา  เช่น  รักษาความอ่อนโยน  อ่อนข้อ  และยอมถูกระทำ  จะทำให้ร่างกายอ่อนนุ่ม  มีพลังชีวิตชีวาเหมือนเด็กทารก  ไม่ไปแย่งสิ่งที่ผู้คนเห็นว่าดีขาวสะอาด  แต่กลับรักษาสิ่งที่ดำที่ผู้คนมิชอบ  การที่ไม่ไปแย่งชิง  ทำให้จิตสงบและการวางตำแหน่งต่ำสามารถรองรับผู้คนและเรื่องราวต่างๆ  ได้  ทำให้เกิดมีพลังและความสามารถอันมหาศาล  ซึ่งเป็นคุณสมบัติของเต๋า  ไม่เอาเกียรติยศดีเด่นสูงส่ง  ไปรักษาความอดสู  ทำให้จิตว่างเปล่า  ซึ่งเป็นคุณสมบัติที่สำคัญของเต๋า  ทำให้เกิดมีพลังมีความสามารถและมีประโยชน์มากสำคัญยิ่งสำหรับชีวิต
           2. คนเราถ้าอยากมีความสุขร่างกายมีชีวิตชีวา มีพลังความสามารถพิเศษก็ต้องปฏิบัติตามเต๋า  อบรมและกระทำในสิ่งที่มีเต๋อ คือ ปรับสภาพจิตและการกระทำให้อ่อนโยน นุ่มนวลมีพลังมีชีวิตชีวา  และการวางตำแหน่งต่ำ  ไม่ชิงดีชิงเด่น  ก็เป็นเต๋อที่สำคัญ ทำให้เราสามารถรองรับผู้คนและเรื่องราวต่างๆ ได้อย่างดี เป็นพลังอันมหาศาล มีความสามารถในการปฏิบัติการอย่างไม่มีขอบเขต
           การไม่นิยม  เงินทอง  ชื่อเสียงเกียรติยศ  ทำให้จิตสามารถว่างเปล่า  เป็นอิสระมีความสุข  เกิดพลังและมีประโยชน์ต่อชีวิตเป็นอย่างยิ่ง

คัมภีร์บทที่ 27 การจัดการที่ยอดเยี่ยม

คัมภีร์บทที่ 27 การจัดการที่ยอดเยี่ยม

ผู้ที่เชี่ยวชาญในการเดินเท้าไม่เหลือรอยเท้าไว้  ผู้ที่เชี่ยวชาญในการพูดไม่มีที่ตำหนิ  ผู้ที่เชี่ยวชาญในการคำนวณไม่ใช้คำนวณ  ผู้ที่เชี่ยวชาญในการปิดประตูไม่ใส่กลอนก็เปิดไม่ออก          ผู้ที่ชำนาญในการผูกมัด  ไม่มีเชือกก็แก้ไม่ออก  เพราะว่านักปราชญ์ชำนาญในการช่วยเหลือคน  ดังนั้น  จึงไม่มีคนถูกทอดทิ้งเป็นผู้ที่ชำนาญในการกอบกู้สิ่งของเสมอ  ดังนั้นจึงไม่มีสิ่งของถูกทอดทิ้ง  เพราะคล้อยตามเต๋าที่นิรันดร์  ดังนั้นคนที่ดีเป็นอาจารย์ของคนไม่ดี  คนที่ไม่ดีเป็นบทเรียนของคนที่ดี   ไม่เคารพอาจารย์  ไม่รักบทเรียน  ถึงแม้จะเป็นคนที่มีสติปัญญาก็เป็นคนหลงทาง  นี่คือสิ่งที่ยอดเยี่ยม
           ความหมาย

           ผู้เชี่ยวชาญในการปฏิบัติเต๋า  ปฏิบัติการแบบไม่กระทำ  ไม่ลำเอียงตนเองคล้อยตามธรรมชาติ  ใช้ตนเองเป็นแบบอย่าง  กระทำจากตนเองอย่างไม่เห็นแก่ตัว  ทำให้ผู้อื่นปฏิบัติในทางที่ดีด้วยความสมัครใจ  ได้รับความสำเร็จอย่างดีเยี่ยม  เหมือนเดินเท้าไม่เหลือรอยเท้า  คำพูดไม่มีสิ่งที่ตำหนิ  ปิดประตูไม่ใส่กลอนก็เปิดไม่ออก  ผู้มัดได้โดยไม่ต้องใช้เชือก  ก็แก้ไม่ออกไม่เหมือนการกระทำของคนเราทั่วไป  ซึ่งลำเอียงตนเอง  ตั้งอยู่บนพื้นฐานผลประโยชน์ของตนเอง  ยิ่งกระทำยิ่งแก้ปัญหา  ก็ยิ่งยุ่งยากปัญหาหนักขึ้น  แก้ไม่ตก

           บทสรุป
           การปฏิบัติการแบบเต๋า  เห็นความสำคัญของสิ่งตรงกันข้ามเป็นอย่างยิ่ง  ไม่มีสิ่งตรงกันข้ามก็ไม่มีอีกฝ่ายหนึ่ง  มีสิ่งตรงกันข้ามทำให้เราเข้าใจสรรพสิ่งและเรื่องราวต่างๆ  ได้อย่างดี  ทำให้เรามีบทเรียนในการปฏิบัติการ  หลีกเลี่ยงความผิดพลาด  และคนไม่ดีก็สามารถเปลี่ยนแปลงให้เป็นคนดี  ดังนั้น  ผู้ที่ไม่ยอมรับฝ่ายตรงกันข้ามนั้นไม่ถูกต้อง  เป็นคนหลงทาง  ไม่ใช่เต๋า  การกระทำที่ได้รับความสำเร็จที่ยอดเยี่ยม   จึงเป็นการกระทำแบบไม่กระทำ  ไม่ลำเอียงตนเอง  คล้อยตามธรรมชาติ  วางตัวตำแหน่งต่ำ  กระทำด้วยความเสียสละจากตนเอง  แก้ปัญหาจากตนเอง  การกระทำเช่นนี้ยังทำให้ประชาชนและผู้อื่นปฏิบัติไปในทางที่ดีด้วยความจริงใจ  เกิดพลังอันมหาศาลในการปฏิบัติงาน  ทำให้ฝ่ายตรงกันข้ามยากที่จะเอาชนะได้  เป็นการกระทำแบบเต๋า

คัมภีร์บทที่ 26 พระราชาขาดเต๋า

คัมภีร์บทที่ 26 พระราชาขาดเต๋า

ความหนักแน่นเป็นรากเหง้าของความประมาท  ความสงบเป็นราชาแห่งความเร่าร้อน 
ดังนั้น  นักปราชญ์จึงเดินทางทั้งวัน  โดยไม่ห่างจากรถบรรทุกหนัก  ถึงแม้จะมีทิวทัศน์ที่สวยงาม  ก็อยู่เหนือกว่าอย่างไม่สนใจ  แต่ทำไมพระราชาของรถม้าหมื่นคัน  จึงประมาทใต้ฟ้า           อย่างนี้  ความประมาททำให้ขาดรากเหง้า  ความเร่าร้อนทำให้ขาดพระราชา
          
           ความหมาย

           ความหนักแน่นเป็นรากฐานของความประมาท  หากคนเรามีความหนักแน่นซึ่งเป็นรากฐานที่มั่นคง  ก็สามารถทำให้ความประมาทแก้ไขและเปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดี  หากจิตใจสงบก็สามารถควบคุมความเร่าร้อนไว้ได้  ให้ความคิดรอบคอบและปฏิบัติไปในทางที่ดี  ดังนั้น  นักปราชญ์เห็นความสำเร็จในการรับใช้ประชาชนเสมอ  ปฏิบัติการด้วยความหนักแน่นและสงบกลัวว่าจะพลาดพลั้งทำให้ประชาชนได้รับความเสียหายเหมือนระหว่างเดินทาง  ไม่ห่างจากรถบรรทุกหนัก   พยายามรักษาผลประโยชน์ของประชาชน  แต่ทำไมพระราชาซึ่งเป็นผู้นำของประเทศ  ควบคุมรถม้าถึงหมื่นคัน  ถึงประมาทใต้ฟ้าอย่างนี้  ไม่มีความหนักแน่น  ความสงบเพื่อรักษาผลประโยชน์ของประชาชน  ความประมาททำให้ขาดรากฐานซึ่งเป็นความหนักแน่น  ความเร่าร้อนทำให้ขาดความสงบ  ที่ควบคุมทำให้ปฏิบัติการผิดพลาด  ประชาชนได้รับความเสียหาย

           บทสรุป
           นักปราชญ์เข้าใจเต๋าเป็นอย่างดี  ปฏิบัติการด้วยเสียสละ  เพื่อผลประโยชน์ของประชาชน  พยายามแก้วปัญหาจากจุดบกพร่องของตัวเองเสมอ  ปฏิบัติการอย่างหนักแน่นคอยระมัดระวังไม่ให้เกิดความผิดพลาด  ไม่ประมาท  กลัวว่าจะทำให้ประชาชนได้รับความเสียหาย  ไม่แสวงหาความสุขของส่วนตัว  ถึงแม้ระหว่างทางจะมีทิวทัศน์ที่สวยงามก็ไม่สนใจ
           แต่พระราชา  เป็นผู้นำของประเทศ  และประชาชน  รับผิดชอบความเป็นอยู่ของประชาชน  กลับไม่เห็นความสำคัญของประชาชน  แสวงหาความสุขมาให้ตัวเองอย่างเดียว  มีความเร่าร้อนในการแสวงหาผลประโยชน์มาให้ตนเอง  มีความประมาทในการปฏิบัติหน้าที่  ขาดความหนักแน่นเพื่อควบคุมความประมาท  ขาดความสงบในการควบคุมความเร่าร้อน  ทำให้การปฏิบัติงานของประเทศผิดพลาด  ประเทศชาติและประชาชนได้รับความเสียหาย

คัมภีร์บทที่ 25 เต๋าคล้อยตามธรรมชาติ

คัมภีร์บทที่ 25 เต๋าคล้อยตามธรรมชาติ

           มีสิ่งหนึ่งเกิดจากการผสมผสาน  กำเนิดก่อนฟ้าดิน  มันเงียบสงัดและว่างเปล่า ดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยวไม่แปรผัน  หมุนเวียนไม่หยุดยั้ง  สามารถเป็นมารดาของฟ้าดิน ฉันไม่รู้ว่ามันชื่ออะไร  แต่ตัวอักษรเรียกว่า  เต๋า  ฝืนใจเรียกมันว่ายิ่งใหญ่  มันใหญ่จนเรียกว่าเลื่อนไหลไม่หยุดยั้งเลื่อนไหลไม่หยุดยั้งเรียกว่าไปไกลมาก เมื่อไปไกลมากแล้วก็กลับ เรียกว่าหวนกลับดังนั้น  จึงเรียกว่า  เต๋ายิ่งใหญ่  ฟ้ายิ่งใหญ่  ดินยิ่งใหญ่  คนยิ่งใหญ่  ในเขตแคว้นมีสี่ยิ่งใหญ่  และคนเป็นหนึ่งในนั้น  คนปฏิบัติตามกฎของดิน  ดินปฏิบัติตามกฎของฟ้า  ฟ้าปฏิบัติตามกฎของเต๋า  เต๋าปฏิบัติตามกฎธรรมชาติของตัวเอง

           ความหมาย

           เต๋าก่อตัวขึ้นจากการผสมผสาน  กำเนิดก่อนฟ้าดิน เต๋านั้นเงียบสงบและว่างเปล่าดำรงอยู่อย่างโดดเดี่ยว  หมุนเวียนไม่หยุดยั้ง  เต๋าให้กำเนิดฟ้าดินและสรรพสิ่งให้สรรพสิ่งเจริญเติบโตแล้วหวนกลับมาที่รากเหง้าเดิมของตนเอง  ในจักรวาลนี้เต๋ายิ่งใหญ่ ฟ้ายิ่งใหญ่ ดินยิ่งใหญ่และคนก็ยิ่งใหญ่ คนปฏิบัติตามกฎของดิน ดินปฏิบัติตามกฎของฟ้า ฟ้าปฏิบัติตามเต๋า เต๋าปฏิบัติตามกฎธรรมชาติของตัวเอง

           บทสรุป
           เต๋า  ก่อตัวขึ้นจากการผสมผสาน  กำเนิดก่อนฟ้าดิน  เต๋านั้น  เงียบสงบและว่างเปล่าแต่มีพลังอันมหาศาล  มีความสร้างสรรค์อย่างมหัศจรรย์  สรรพสิ่งรวมทั้งมนุษย์ล้วนกำเนิดมาจากเต๋าและเปลี่ยนแปลงไปตามเต๋าเท่านั้น  เต๋ายังมีประโยชน์อย่างมหาศาล  เมื่อคนเราปฏิบัติตามเต๋า  แสวงหาความว่างเปล่าและเงียบสงบ  ปฏิบัติตามกฎวิถีแห่งธรรมชาติ  ก็จะประสบชีวิตแห่งความสุขและความสำเร็จ  คนเราถึงแม้จะยิ่งใหญ่  แต่ต้องปฏิบัติตามฟ้า  ดินและเต๋า  ดังนั้นคนเราควรอ่อนน้อมถ่อมตนวางตัวตำแหน่งต่ำ  คล้อยตามเต๋าจึงจะได้รับความสำเร็จ