มจร ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี

มจร ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี
มหาวิทยาลัยมหาจุฬาลงกรณราชวิทยาลัย ห้องเรียนสุราษฎร์ธานี สร้างปัญญาให้สังคม สร้างสังคมอุดมธรรม

วันเสาร์ที่ 15 กันยายน พ.ศ. 2555

คัมภีร์บทที่ 16 สงบว่างเปล่าหวนกลับรากเหง้าเดิม

คัมภีร์บทที่ 16 สงบว่างเปล่าหวนกลับรากเหง้าเดิม

           เมื่อเข้าสู่สภาวะว่างเปล่าสุดขีด  รักษาความเงียบสงบไว้  สรรพสิ่งแย่งกันเจริญเติบโตนั้น  สังเกตการณ์หวนกลับของมัน  สรรพสิ่งเจริญเติบโตงอกงามแล้ว  ต่างก็หวนกลับรกเหง้าเดิมของตนเอง  หวนกลับรากเหง้าเดิม เรียกว่า ความเงียบสงบ เมื่อเงียบสงบแล้วก็กลับมามีชีวิตใหม่ การหวนกลับมามีชีวิตใหม่ เรียกว่าเป็นกฎนิรันดร์ เข้าใจกฎนิรันดร์นี้เรียกว่าฉลาด ไม่เข้าใจกฎนิรันดร์นี้กระทำด้วยความทะเยอทะยานเป็นภัย  เข้าใจกฎนิรันดร์นี้  สามารถรองรับได้ทั้งหมด  เมื่อรองรับได้ทั้งหมดก็ยุติธรรม  เมื่อยุติธรรมก็สามารถรอบคอบทั่วถึง  เมื่อรอบคอบทั่วถึงก็รวมกันเป็นเต๋า  เมื่อเป็นเต๋าก็อยู่ได้ยาวนาน  ตลอดชีวิตไม่มีอันตราย

           ความหมาย

           บทนี้  เหล่าจื้อได้บรรยายถึงสภาวะที่ตนเองรับรู้เต๋า  หรือกฎวิถีแห่งธรรมชาติว่าเมื่ออบรมจิตเข้าสู่สภาวะว่างเปล่าเงียบสงบสุดขีด  เขารับรู้วิถีชีวิตของสรรพสิ่ง  รู้ว่าสรรพสิ่งเจริญเติบโตงอกงามแล้ว  หวนกลับไปที่รากเหง้าเดิมของตนเอง  คือความเงียบสงบ  เมื่อเงียบสงบแล้วก็กลับมามีชีวิตใหม่  นี่คือกฎวิถีการเปลี่ยนแปลงของสรรพสิ่ง  เข้าใจกฎนี้  เป็นผู้ฉลาดหากไม่เข้าใจกฎนี้ไม่ยอมเปลี่ยนแปลงไปตามวิถีแห่งธรรมชาติ  จะเป็นภัยต่อตนเอง  เข้าใจกฎวิถีแห่งธรรมชาติคล้อยตามกฎวิถีแห่งธรรมชาติ  ไม่ใช้ตนเองเป็นหลักลำเอียงตนเอง  ก็สามารถรองรับผู้คนหรือ  เรื่องราวต่างๆ  ได้เป็นการกระทำด้วยความยุติธรรม  เมื่อกระทำด้วยความยุติธรรม  ก็สามารถกระทำอย่างรอบคอบทั่วถึง  เมื่อรอบคอบทั่วถึงก็รวมกับฟ้า  เมื่อรวมกับฟ้าก็เป็นเต๋า  เมื่อเป็นเต๋าก็อยู่ได้ยาวนาน  ตลอดชีวิตไม่มีอันตราย

           บทสรุป
           1.การรับรู้เต๋า หรือกฎวิถีแห่งธรรมชาติของเหล่าจื้อ มิใช่ได้มาจากการเรียนรู้หรือประสบการณ์หลังกำเนิด เป็นการรับรู้จากการอบรมสภาพจิตให้เข้าสู่สภาวะว่างเปล่าสุดขีด จนเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ  รับรู้ด้วยการเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ  เป็นการรับรู้ที่เที่ยงตรง  ปราศจากการรบกวนจากวัตถุ  และการลำเอียงตนเอง เป็นการรับรู้ระดับสูงของมนุษย์ เป็นวิสามัญรับรู้  รู้โดยไม่ต้องเรียน โดยไม่ต้องผ่านประสบการณ์ ปัจจุบัน นักวิทยาศาสตร์สามารถยืนยันได้ว่า  การรับรู้เต๋าของเหล่าจือ  เมื่อสองพันกว่าปีก่อนนั้น  ถ่องแท้มาก
           2.  กฎที่สำคัญของสรรพสิ่งก็คือ  เมื่อสรรพสิ่งเจริญงอกงามแล้วก็หวนกลับไปที่รากเหง้าเดิมของตน  คือหวนหลับไปแหล่งกำเนิดเดิมของตนเอง  ซึ่งเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติหวนกลับไปที่แหล่งกำเนิดเดิมเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติแล้วก็กลับมามีชีวิตใหม่  หมุนเวียนไปกลับอย่างไม่หยุดยั้ง  มนุษย์เราต้องเข้าใจกฎนี้  คล้อยตามกฎนี้  เปลี่ยนแปลงไป  ตามธรรมชาติหากใช้ตนเองเป็นหลักยึดร่างกายและวัตถุไว้ไม่ยอมเปลี่ยนแปลง  ทำให้ชีวิตไม่มีความทุกข์ มีภัยต่อตนเอง  เมื่อคล้อยตามกฎวิถีแห่งธรรมชาติ  ก็สามารถรองรับสิ่งต่างๆ  ได้  ปฏิบัติการด้วยความยุติธรรมและรอบคอบก็เป็นหนึ่งเดียวกับฟ้า  เมื่อเป็นหนึ่งเดียวกับฟ้าก็เป็นเต๋า  ที่ว่างเปล่าไม่มีอะไรเป็นของตนเอง  จึงไม่มีภัยและอยู่ได้ยาวนาน
           3.  การอบรมจิตให้เข้าสู่สภาวะว่างเปล่าสุดขีด ทำให้จิตและร่างกายเข้าเป็นหนึ่งเดียวกับธรรมชาติ  รับรู้ข้อมูลที่ละเอียดถ่องแท้โดยตรง  เช่น  การรับรู้เต๋าของเหลาจื้อ รับรู้ความว่างเปล่าแห่งสรรพสิ่งเป็นการรับรู้ที่ลึกซึ้ง ซึ่งตามปกติไม่สามารถรับรู้ได้  นอกจากมีการรับรู้อย่างมหัศจรรย์แล้วยังมีประโยชน์ต่อสุขภาพร่างกายมาก  เมื่อจิตเข้าสู่สภาวะว่างเปล่า  ทำให้พลังแฝงในร่างกายฟื้นตัว  เลือดลมไหลเวียนคล่องกว่าปกติมาก  ทำให้มีสุขภาพที่แข็งแรง  และมีประโยชน์ในการต่อต้านโรคที่ร้ายแรง

ไม่มีความคิดเห็น: